วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

บทความเกี่ยวกับการใช้อินเตอร็เน็ต



บทความเกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เน็ต

1.อินเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน
ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราแล้ว เราสามารถทราบข่าวสารเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตได้จากหนังสือพิมพ์ วารสาร รายการวิทยุ และจากแหล่งข่าวสารมากมายทั่งทุกมุมโลก ทุกวันนี้มีหนังสือเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตให้เราทำความรู้จักและศึกษาเพิ่มเติม หนังสือพิมพ์ต่างๆ ซึ่งไม่ใช่หนังสือเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ก็ยังลงบทความเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต จึงทำให้เราเข้าใจเรื่องราวของอินเตอร์เน็ตและใช้งานจากอินเตอร์เน็ตมากขึ้น นอกจากนี้แล้วยังมีการเปิดสอนเป็นหลักสูตรในระดับปริญญาโทบนอินเตอร์เน็ต จากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ สำหรับในประเทศไทยมีการจัดการเรียนการสอนเป็นบางรายวิชา เช่น การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยเสมือนของนิสิตปริญญาโทโสตทัศนศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นต้น
ทุกวันนี้มีการสร้างโปรแกรมประยุกต์ใช้งานบนอินเตอร์เน็ตมากมาย มีสถานีให้บริการเว็บ เกิดขึ้นทั่วโลก ในแต่ละวันมีสถานีใหม่ๆ เกิดขึ้นให้เราเข้าไปใช้งาน จำนวนผู้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ซึ่งหน่วยงานทั้งของรัฐและเอกชนต่างพยายามขวนขวายหาทางให้ตนเองมีหมายเลขบัญชีบนอินเตอร์เน็ต (Internet Account) หรือเป็นสาขาย่อย (Node) ของศูนย์บริการอินเตอร์เน็ต (Internet Service Provider, ISP) เพื่อบริการแก่เจ้าหน้าที่ พนักงานใหม่ในหน่วยงานของตน

2.อันตรายจากอินเตอร์เน็ต
ประเทศไทยมีการนำระบบอินเตอร์มาใช้หลายปี ส่วนใหญ่เป็นการใช้งานภายในหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา ต่อมามีการนำเอามาใช้ในเชิงธุรกิจสำหรับบุคคลทั่วไป ในปี พ.ศ. 2537 แต่ไม่ได้รับความนิยม สำหรับปี พ.ศ. 2539 แตกต่างกันออกไป ผลจากการที่มีข่าวปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ว่ามีการนำภาพดารามาตกแต่งเป็นภาพโป๊เปลือย แล้วนำไปแจกจ่ายบนอินเตอร์เน็ต กระแสความสนใจเกิดขึ้น ผู้คนทั่วไปเริ่มหันมาสนใจกับอินเตอร์มากขึ้นทุกที
อันตรายของอินเตอร์เน็ตที่พบเห็นได้เด่นชัดที่สุดน่าจะเป็นการใช้อินเตอร์เน็ต ผิดประเภทผิดวัตถุประสงค์ และใช้สื่อทางอินเตอร์เน็ตเพื่อกล่าวหาและโจมตีคู่แข่ง เพราะอินเตอร์เน็ตเป็นสื่อที่สามารถกระจายไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว
แต่อย่างไรอันตรายที่เกิดจากอินเตอร์เน็ตก็นับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่เราจะได้รับ

3.ประโยชน์ของเว็บเพจ
เว็บเพจเป็นการรวบรวมข้อมูล รูปภาพ และเนื้อหาด้านมัลติมีเดียโดยส่วนใหญ่จะสร้างจากภาษา HTML เมื่อเว็บบราวเซอร์เปิดดูเว็บเพจ มันจะทำการโหลดข้อมูลของเว็บเพจที่เขียนด้วยภาษา HTML นั้น และแสดงข้อมูลตามที่กำหนด การสร้างเว็บเพจเพื่อเผยแพร่ข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตมีประโยชน์ดังนี้
- สร้างโฮมเพจที่มีข้อมูลส่วนตัวเพื่อให้คนทั้งโลกรู้จัก
- สร้างเว็บเพจขององค์กรเพื่อประชาสัมพันธ์ขายสินค้าและบริการ
- สร้างเว็บเพจเพื่อให้ความรู้แก่คนทั่วไป
- สร้างเว็บเพจเพื่อกระจายข่าวสารขององค์กร ที่เปิดดูได้ทุกเวลา
- สร้างฐานข้อมูลที่เป็นเหมือนห้องสมุดที่สามารถค้นคว้าข้อมูลที่ต้องการได้

4.ข้อคิดก่อนการว่างแผนการสร้างเว็บเพจ
การสร้างเว็บเพจหรือเว็บไซต์ไม่ต่างจากการออกแบบสื่ออื่นๆ จะแตกต่างกันตรงที่ เว็บเพจสามารถทำงานลักษณะของการปฏิสัมพันธ์เท่านั้นแนวทางที่จะช่วยให้การมีเว็บที่สร้างขึ้นมีประโยชน์ และน่าสนใจมากแก่ผู้ที่มาเยี่ยมเยือน มีดังนี้
- ตั้งจุดประสงค์ โดยถามตนเองก่อนว่าสร้างเว็บเพจเพื่ออะไรเพื่อเป็นการกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนของงานที่สร้างขึ้น
- อย่าใช้เวลาในการออกแบบมากเกินไป การออกแบบเว็บเพจไม่เหมือน การออกแบบสิ่งพิมพ์ชนิดอื่น ผู้สร้างไม่สามารถควบคุมภาพที่ปรากฏออกทางหน้าจอมอร์นิเตอร์ของผู้ชมหรือคาดคะเนสิ่งที่แต่ละคนจะได้พบ เช่น โมเด็มและความเร็วในการเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่าย การกำหนดแบบและขนาดตัวอักษรและสภาพแวดล้อมต่างๆ ภายในบราวเซอร์
- ใส่เนื้อหาที่ดีและน่าสนใจลงในหน้าแรก ทั้งนี้เนื่องจากคนที่แวะเยี่ยมเว็บไซต์ ก็เหมือนเห็นปกหนังสือครั้งแรก ย่อมจะสนใจในสิ่งที่มองเห็นครั้งแรก
- คำนึงถึงเวลาในการเข้าถึงเว็บไซต์ การเข้าถึงเว็บหรือการดาวน์โหลดข้อมูล ที่ต้องการขึ้นอยู่กับข้อมูลที่บรรจุในเว็บ การใส่กราฟิกลงในเว็บมาเกินไปเป็นการเสียเวลาในการเข้าถึงข้อมูล
- การรู้จักกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มประชากร ประชากรส่วนใหญ่ที่ใช้เว็บ ใช้ภาษาอังกฤษเป็นเจ้าของภาษา หรือใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง
- เลือกใช้ข้อความที่สั้นและกระชับ การบอกเล่าข้อความที่สั้นกระชับถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งช่วยให้เกิดความน่าสนใจชวนอ่าน ง่ายต่อการจดจำ
- หาสิ่งใหม่ๆ บรรจุลงไปในเว็บไซต์ที่เราชื่นชอบการลองเข้าไปค้นหาและสำรวจดูตามเว็บไซต์ที่เราชื่นชอบ หรือเว็บไซต์ที่มีจุดประสงค์เดียวกับของเรา ดูว่ามีอะไรใหม่ น่าสนใจอะไรบ้างสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับเว็บไซต์ของเราได้หรือไม่
- กำหนดขอบเขตและวิธีการประเมินความสำเร็จไว้ในการสร้างข้อมูลข่าวสารเบื้องต้นชัดเจน ประเภทของผู้อ่าน จำนวนผู้ที่แวะเข้ามาในเว็บไซต์หรืออาจจะดูจำนวนส่ง E-mail หรือการโทรศัพท์เข้ามา

5.การออกแบบและการสร้างสื่อด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
การออกแบบและการสร้างสื่อด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้ ถือเป็นหน้าที่สำคัญของทุกๆ คน เพราะต่างต้องเกี่ยวกับกระบวนการสื่อสาร และใช้เป็นประจำวัน ทุกคนต้องสร้างช่องทาง เพื่อที่จะสื่อสารสารสนเทศไปยังกลุ่มเป้าหมายให้เกิดผลที่รวดเร็วตามต้องการ สื่อที่มีประสิทธิภาพและสามารถเข้าถึงผู้ใช้ได้ดีเยี่ยมในยุดนี้ คือคอมพิวเตอร์ซึ่งมีให้เลือกใช้ได้หลายรูปแบบ เช่น การนำเสนอ โปรแกรมนำเสนอด้วยคอมพิวเตอร์ การใช้มัลติมีเดีย ในการนำเสนอเรื่องเนื้อหาที่มีการสัมพันธ์กับผู้ใช้ และการสร้างเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่ความรู้ หรือมีจุดประสงค์อื่นสำหรับผู้เข้ามาเยี่ยมชม
การออกแบบเว็บไซต์หนึ่งๆ คล้ายกับการสร้างเอกสารหรือหนังสือหนึ่งเล่ม คือ มีปกหนังสือของเว็บไซต์และมีเนื้อหาของหนังสือแบ่งเป็นหน้าเปรียบได้กับหน้าอื่นๆ ของเว็บไซต์นั่นเอง การสร้างเว็บไซต์ให้น่าสนใจชี้ชวนให้ผู้ที่เข้าไปศึกษาแล้วแวะเวียนมาอีก นอกจากมีเนื้อหาสาระดีแล้วจะต้องออกแบบให้ตรงกันกับความต้องการของผู้ชม เช่น สวยงาม ง่ายต่อการเข้าหาเนื้อหา การสร้างเว็บไซต์และเว็บเพจให้มีประโยชน์และน่าสนใจควรมีขั้นตอนการออกแบบ 4 ขั้นตอน ได้แก่
1. การวิเคราะห์งาน การสร้างเว็บไซต์หนึ่งๆ ผู้สร้างต้องนึกถึงผู้ดูก่อนว่าเป็นกลุ่มใด เนื้อหาสาระอะไร ผู้สร้างจะต้องรู้จักการวิเคราะห์ว่าใครคือผู้ดู เรื่องอะไร ใช้สื่อแบบใด รวมทั้งให้เกิดผลอย่างไร ในขั้นตอนนี้ผู้สร้างจะต้องรู้จักการวิเคราะห์เนื้อหาสาระที่จะนำมาสร้างเว็บไซต์หนึ่งๆ นั้นจะแบ่งเป็นหน่วยย่อยต่างๆ ได้เท่าใด จึงครอบคลุมเนื้อหาตามจุดประสงค์ที่กำหนด
2. การออกแบบ ขั้นตอนการออกแบบจะต้องสามารถแปลมโนทัศน์หลักการในแต่ละเรื่องหรือเนื้อหาย่อยให้เป็นภาพให้ได้ เพราะการรับรู้เรื่องราวต่างๆ ทางสายตานั้นผู้เรียนจะรับรู้ได้มากที่สุด เปรียบเสมือนการสร้างถนนสิบเลนให้ผู้ดูขับรถผ่าน
3. การพัฒนาเว็บไซต์และเว็บเพจ เป็นการดำเนินการสร้างตามแผนที่ได้กำหนดไว้ ในสคริปต์ ถ้าผู้ออกแบบได้ออกแบบเว็บหน้าต่างๆ ไว้ชัดเจนการพัฒนาก็สะดวกและง่าย ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องลงมือผลิตเองต้องมีคำอธิบายต่างๆ มากมาย จึงจะทำให้งานตรงตามเป้าหมายที่ต้องการ การลงมือสร้างเว็บเพจจะต้องอาศัยทักษะด้านการออกแบบ เช่น การสร้างตัวอักษร การเขียนและ การเลือกภาพ
4. การปรับปรุงและแก้ไข เว็บไซต์ที่ได้ออกแบบมาอย่างดีไม่ได้หมายความว่าจะดีดังที่ใจผู้สร้างคิด เพราะผู้ที่สร้างเว็บไซต์นั้นดีหรือไม่ดีนั้นก็คือชมนั้นเอง ดังนั้น เมื่อสร้างเสร็จแล้วต้องนำไปทดลองใช้ และการปรับปรุงแก้ไขให้ทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการของผู้ชมในขั้น การปรับปรุงแก้ไขนี้ ผู้ออกแบบเว็บไซต์หรือเว็บเพจจะสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ทุกขั้นตอนที่ผ่านมา ตั้งแต่การวิเคราะห์ การออกแบบและการพัฒนา เพื่อที่จะให้เว็บที่สร้างขึ้นทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการของผู้ชม
ปฏิบัติการสร้างสื่อสารสนเทศสองรูปแบบ
การสร้างสารสนเทศหรือสื่อด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศมีลักษณะเป็นการนำเสนอ (Presentation) ซึ่งอาจจะใช้ห้องที่จัดไว้โดยเฉพาะโดยผ่านอุปกรณ์ เช่น เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่องรับโทรทัศน์ หรือฉายด้วยเครื่องฉาย ส่วนอีกประเภท ได้แก่ การสร้างสารสนเทศและนำไปเสนอผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น อินเตอร์เน็ต หรืออินทราเน็ต สำหรับเทคนิคการสร้างมีความแตกต่างกันเล็กน้อย

6.ความหมายของอินเตอร์เน็ต
“อินเตอร์เน็ต” มาจากคำว่า International Network เป็นเครือข่ายของการสื่อสารข้อมูลขนาดใหญ่ อันประกอบด้วยเครือข่ายคอมพิวเตอร์จำนวนมาก เชื่อมโยงแหล่งข้อมูลจากองค์กรต่างๆ ทั่วโลกเข้าด้วยกัน
คำว่า “เครือข่าย” หมายถึง
1. การที่มีคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป เชื่อมต่อเข้าด้วยกันด้วยสายเคเบิล (ทางตรง) และหรือสายโทรศัพท์ (ทางอ้อม)
2. มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์
3. มีการถ่ายเทข้อมูลระหว่างกัน 2. หน้าที่และความสำคัญของอินเตอร์เน็ต
การสื่อสารในยุคปัจจุบันที่กล่าวขานกันว่าเป็นยุคไร้พรมแดนนั้น การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากๆ ได้ในเวลาอันรวดเร็ว และใช้ต้นทุนในการลงทุนต่ำ เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาของทุกหน่วยงาน และอินเตอร์เน็ตเป็นสื่อที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าวได้ จึงเป็นความจำเป็นที่ทุกคนต้องให้ความสนใจและปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่นี้ เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างเต็มที่
อินเตอร์เน็ต ถือเป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์สากลที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ภายใต้มาตรฐานการสื่อสารเดียวกัน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารและสืบค้นสารสนเทศจากเครือข่ายต่างๆ ทั่วโลก ดังนั้น อินเตอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งรวมสารสนเทศจากทุกมุมโลก ทุกสาขาวิชา ทุกด้าน ทั้งบันเทิงและวิชาการ ตลอดจนการประกอบธุรกิจต่างๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น